บทที่ 10 บทที่ 10 โดนสนมลวนลาม
ตำหนักมังกร
"ฮือออ ฝ่าบาทต้องทรงจัดการให้หม่อมฉันนะเพคะ"
"ฮือ ฝ่าบาท ฟางผินโยนงูมาเพคะ!!!"
"ฝ่าบาท! หัวงูติดที่เส้นผมของหม่อมฉันเพคะ!!!"
ซ่งเว่ยในยามนี้กำลังพยายามข่มกลั้นอารมณ์อย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้ชักดาบขึ้นมาฟันพวกนางขาดเป็นสองท่อน เขาทนฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเหล่าสนมมาราวหนึ่งชั่วยามแล้ว ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก!!!
ต้นเหตุก็มาจากฟางซูลี่!!!
นางเล่นพิเรนทร์อันใดกันจึงโยนงูมาใส่ผู้อื่นเช่นนี้!!!
"ไว้ข้าจะเรียกนางมาสอบถาม พวกเจ้าสามคนออกไปก่อน"
"แต่ฝ่า..."
"หากยังไม่หุบปากข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้าทิ้งเดี๋ยวนี้!!!"
เนี่ยหยวนฮวา หวังอิงฮวาและไป๋เมิ่งเจี๋ยถึงกับเงียบกริบโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะเดินออกจากตำหนักมังกรไปด้วยความไม่พอใจ
นับแต่วันที่พวกนางเข้าวังมาเป็นพระสนม ซ่งเว่ยไม่เคยเรียกพวกนางมาปรนนิบัติเลยสักครา!!!
ซ่งเว่ยวางงานในมือลง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับขันทีคนสนิท
"ไปตามตัวฟางผินมาพบข้า"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ยามนี้ฟางซูลี่เพิ่งจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จ ชิงหลวนกำลังยกอาหารมาให้นาง อาหารตรงหน้ามีเพียงหมั่นโถวสองลูก กับผัดผักจืด ๆ คล้ายนำผักสารพัดชนิดมายำรวมกันจนเละเทะไปหมด ฟางซูลี่อยากจะยกเท้าถีบเสียเต็มแรง แต่ด้วยความหิวทำให้นางทนกินมันลงไปอย่างไร้หนทาง
ไม่นานนักชิงหลวนก็เดินเข้ามาด้านในตำหนัก บอกว่าซ่งเว่ยเรียกนางให้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักมังกรสวรรค์โดยด่วน
ฟางซูลี่ลอบยกยิ้มมุมปาก คิดในใจว่าซ่งเว่ยคงเห็นถึงความงามของนางแล้วกระมัง จึงเรียกหานางเช่นนี้ นางจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองอีกครา ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรในทันที
เมื่อมาถึง นางก็เดินตามขันทีเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก่อนจะพบกับซ่งเว่ยที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทรงอักษร ดวงตาเย็นชากวาดมองนางอย่างดูแคลน เขายกมือไล่เหล่านางกำนัลและขันทีออกไปจนหมด ก่อนจะหันมามองนางอีกครา
"ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ"
ฟางซูลี่ย่อกายทำความเคารพเขาอย่างงดงามอ่อนช้อย ซ่งเว่ยยกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
ฟางซูลี่ที่ย่อเข่าอยู่นานเริ่มร้องโอดครวญในใจ
โธ่!!! พี่ชาย นี่ท่านเรียกข้ามาทรมานหรอกหรือ?
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ เขาจึงเอ่ยปากให้นางลุกขึ้นได้ ฟางซูลี่ลอบซู้ดปากในใจคราหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
ซ่งเว่ยเดินลงมาจากโต๊ะทรงอักษร ก่อนจะมาหยุดตรงหน้านาง เขาใช้น้ำเสียงเย็นชาห่างเหินเอ่ยถามนาง
"พี่สาวเจ้าขี้ขลาดตาขาว ถึงขนาดส่งเจ้ามาแทนเลยหรือ?"
ฟางซูลี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่น คล้ายว่าซ่งเว่ยกับฟางซูซินจะมีความหลังที่ไม่ดีต่อกันอยู่ นางเข้าใจถูกหรือไม่?
นางเพิ่งย้อนเวลามาเกิดใหม่ในร่างนี้เพียงไม่ถึงปี ย่อมไม่รับรู้เรื่องราวก่อนหน้านั้นของพวกเขาทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
"ข้าถามเหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบ?"
"เอ่อ ฝ่าบาท พี่สาวหม่อมฉันมีคู่หมายแล้ว จึงมิอาจเดินทางมาที่ต้าหยวนได้ หม่อมฉันจึงมาแทนเพคะ"
"อ้อ เป็นเจ้าที่เสนอหน้ามาแทนนางสินะ"
"เอ๋? อะ!!! ฝ่าบาท"
ซ่งเว่ยยื่นมือไปจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของนางและบีบมันอย่างแรงจนฟางซูลี่ถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
"จำใส่หัวสมองของเจ้าเอาไว้ ไม่ว่าพี่สาวของเจ้าจะส่งเจ้ามาด้วยเหตุผลใด ข้าก็จะไม่ยอมให้นางสมดั่งใจปรารถนา นางจะมีโอกาสทำร้ายข้าได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากพวกเจ้าคิดทำร้ายข้าอีก ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าทั้งตระกูลมาเสียบประจานไว้ที่หน้าประตูเมืองต้าหยวน!!!"
ฟางซูลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ซ่งเว่ยกลับออกแรงที่มือมากขึ้น
นางเริ่มโมโหแล้วนะ!!!
"ฝ่าบาท!!! หม่อมฉันมิรู้เรื่องระหว่างพระองค์กับฟางซูซิน พระองค์จะมาลงที่หม่อมฉันเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ!!!"
"เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับข้าหรือ!!! เจ้ามันก็เหมือนพี่สาวเจ้า เหอะ!!! วันก่อนที่ข้าพบเจ้า เจ้ายังยั่วยวนข้าอยู่เลย เจ้าสองคนมันก็เหมือนกัน ต่ำช้าเหมือนกัน!!!"
"เหอะ!!! อย่ามาร้องโหยหาคนต่ำช้าอย่างหม่อมฉันก็แล้วกัน!!!"
"ฝันไปเถอะ ข้าขยะแขยงพวกเจ้าเต็มทนแล้ว!!!"
"อ้อ!!! ขยะแขยงหรือ ได้!!!"
"เจ้าจะทำ...อื้อออ!!!"
ฟางซูลี่ขยับกายของนางไปใกล้เขา ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของเขาเอาไว้ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นใบหน้าเข้าไปหาเขา ซ่งเว่ยไม่ทันตั้งตัวจึงถูกนางโน้มใบหน้าเข้ามาจูบเสียแล้ว
ซ่งเว่ยนิ่งอึ้ง แม้เขาจะเก่งทั้งการรบการศึกแต่เรื่องเช่นนี้เขาไม่ประสา
เมื่อตั้งสติได้เขาจึงผลักนางออกทันที ก่อนจะชักมีดสั้นออกมาเพื่อหวังจะตัดลิ้นนางทิ้งเสีย
ฟางซูลี่ยกยิ้มเย้ยหยัน นางขยับกายหลบมีดสั้นของเขาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะยื่นมือไปจับที่หว่างขาของเขาอย่างนึกสนุก
ซ่งเว่ยที่ถูกนางลวนลามทั้งบนทั้งล่างก็ถึงกับทำมีดสั้นหล่นลงพื้นเสียงดังเคร้ง
"ฟางซูลี่!!!"
ท้ายที่สุดนอกจากจะไม่ได้สะสางเรื่องที่ฟางซูลี่ขว้างงูเล่นแล้ว เขายังปล่อยนางกลับตำหนักไปอย่างหงุดหงิด
ขืนให้นางอยู่ต่อ นางต้องจับเขาแก้ผ้าเป็นแน่!!!
บัดซบจริง ๆ!!!
